วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

As Kids See It

My four-year-old daughter, Madison, and I planted a small vegetable and herb garden for the first itme this year.
She eagerly checked the progress of the seeds every morning and every evening. One morning, while she was eating her multigrain toast, I watched her carefully extract a large seed from the bread.
"Mum," Madison said, handing me the seed, "now we can grow toast"
-ลูกสาวอายุ 4 ปี , เมดิ สัน และฉันวางแผนจะทำสวนผักเล็ก ๆ และสวนสมุนไพรเป็นครั้งแรกในปีนี้
-เธอกระตือรือร้นที่จะตรวจสอบความเจริญเติบโตของเมล็ดพันธุ์ทุกเช้าทุกเย็น เช้าวันหนึ่งขณะที่เธอกำลังกินขนมปัง ฉันดูด้วยความรอบคอบ เกี่ยวกับเมล็ดพืชขนาดใหญ่มาจากขนมปังปิ้ง
-เมดิสันเรียกแม่แล้วชี้ให้ฉันดูเมล็กพืช "ตอนนี้เราสามารถปลูกขนมปังปิ้งได้แล้ว"

Review point

ARTICLES
A AN THE (-) ไม่มี articles

หลักการใช้ article นำหน้านาม
คือเมื่อกล่าวเป็นการทั่วไปนามนับได้เอกพจน์ จะต้องมี a หรือ an นำหน้าเสมอ
นามพหูพจน์และนามนับไม่ได้ ไม่ต้องมี article ใด ๆ เมื่อกล่าวเป็นการชี้เฉพาะจะต้องใช้ the นำหน้าเสมอไม่ว่าจะเป็นนามเอกพจน์หรือพหูพจน์ เป็นนามนับได้หรือไม่ได้

Articles แบ่งเป็น 2 ชนิด
Indefinite Article ได้แก่ a และ an ใช้นำหน้านามนับได้ (Countable Nouns) เอกพจน์ทั่ว ๆ ไป (Singular)
Definite Article ได้แก่ the ซึ่งใช้นำหน้าคำนามนับได้ (Countable Nouns) และนามนับไม่ได้ (Uncountable Nouns) ทั้งรูปเอกพจน์ (Singular) และพหูพจน์ (Plural) เพื่อให้นามนั้นมีความหมายเฉพาะเจาะจง
การใช้ Indefinite Article : a, an
1. ใช้ a นำหน้าคำนามนับได้ เอกพจน์ ขึ้นต้นด้วยพยัญชนะและมีความหมายทั่วไปในความหมาย หนึ่ง โดยไม่ต้องการเน้นจำนวน เช่น a woman, a dog, a dentist, a newspaper, a city , a book , a shop เช่น
He is reading a newspaper. เขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์
2. ใช้ an นำหน้าคำนามนับได้ เอกพจน์ขึ้นต้นด้วยสระ และมีความหมายทั่วไป เช่น an orange , an umbrella, an hour, an article
It's raining.You will need an umbrella .ฝนกำลังตก คุณจะต้องมีร่มกันฝน.
หมายเหตุ
ถ้าคำนามนับได้ เอกพจน์ นั้นขึ้นต้นด้วยสระ แต่ว่าออกเสียงเป็นพยัญชนะ ให้ใช้ a เช่น a uniform, a university, a European, a eucalyptus ( ต้นยูคาลิบตัส ), a utensil, a union, a useful, a unit
ถ้าคำนามนับได้ เอกพจน์ นั้นมีคุณศัพท์นำหน้าขยาย ให้ดูดังนี้
-หากคำคุณศัพท์นั้นขึ้นต้นด้วยเสียงพยัญชนะก็ให้ใช้ a เช่น a sweet orange, a big umbrella
-หากขึ้นต้นด้วย เสียงสระให้ใช้ an เช่น an old city, an ugly เป็นต้น
ถ้าคำนามนั้นขึ้นต้นด้วยพยัญชนะ แต่ออกเสียงเป็นสระ หรือมี adjective ที่ขึ้นต้นด้วยสระมาขยายข้างหน้านามนั้นให้ใช้ an เช่น
-ออกเสียงเป็นสระ เช่น an hour, an heir, an honor
-มีคุณศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยสระ เช่น an important person
3. ใช้ a, an นำหน้านามเอกพจน์ เมื่อกล่าวถึงคำนามนั้นเป็นครั้งแรก เช่น
There is a shop on the corner. มีร้านอยู่ 1 ร้านที่หัวมุม (ใช้ a เพราะเป็นการพูดถึงครั้งแรก )
4. ใช้ a, an แทนพวก กลุ่ม หมู่เหล่า เช่น
A cow is an animal. วัวเป็นสัตว์ขนิดหนึ่ง = Cows are animals.วัวเป็นสัตว์
An owl can see in the dark. นกเค้าแมวมองเห็นได้ในความมืด
5. ใช้ a, an ในการบอกอัตราต่อ 1 หน่วย ( per ) เช่น
She runs three miles a day. เธอวิ่งวันละ 10 ไมล์ (เป็นกิจวัตร)
I go to the cinema about once a month. ฉันไปดูภาพยนต์ประมาณเดือนละครั้ง
6. ใช้ a, an หน้าชื่อเฉพาะของผู้มีชื่อเสียงที่รู้จักทั่วไป เพราะมีคุณสมบัติ ความสามารถ หรืออุปนิสัยเหมือนผู้ที่ต้องการเปรียบเทียบ
He is an Einstein. เขาเป็นคนฉลาดเหมือนไอน์สไตน์
He is a Soontorn Poo of our school. เขาเป็นคนที่แต่งกลอนเก่ง (เหมือนสุนทรภู่) ของโรงเรียนเรา
หมายเหตุ
แต่ถ้าใช้ the แทน a หมายความว่าคนเช่นนั้นมีคนเดียว
He is the Soontorn Poo of our school. เขาเป็นคนที่แต่งกลอนเก่งของโรงเรียนเรา (เพียงคนเดียว)
He is the Khun Phaen of our family. เขาเป็นคนเจ้าชู้ (เหมือนขุนแผน) คนเดียวในครอบครัวเรา
7. ใช้ a, an นำหน้าคำนามที่เป็นสำนวนในประโยคอุทาน เช่น
What a pity !น่าสงสารจัง What a shame ! น่าอายจัง !
8. ใช้ a, an นำหน้าคำนามเอกพจน์ที่กล่าวถึงการเป็นสมาชิกของกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มอาชีพ เชื้อชาติ ศาสนา
My father is a teacher. อาชีพ , Robert is an American. เชื้อชาติ , John is a Catholic. ศาสนา
9. ใช้ a, an แทนจำนวน หนึ่งหน้าคำนามที่เป็นสำนวนเกี่ยวกับการนับจำนวนหรือแสดงจำนวนมาก
a dozen of eggs.ไข่จำนวน 1 โหล
a gross of pens ปากกาจำนวน 12 โหล
a lot of people ประชาชนจำนวนมาก a number of friendsเพื่อนจำนวนมาก
10. ใช้ a, an นำหน้านามที่เป็นสำนวนเกี่ยวกับการเจ็บไข้ได้ป่วย โครงสร้างคือ have + a+ อาการเจ็บป่วย
have a headache (ปวดหัว)
have a pain in the chest (เจ็บหน้าอก)
have a stomachache (ปวดท้อง)
have a cold (เป็นหวัด)
have a toothache ไม่มี a ก็ได้ (ปวดฟัน)
have a fever (เป็นไข้)
ยกเว้นถ้าเป็นชื่อโรค ไม่ใช้ a, an เช่น
Rheumatism (โรคปวดข้อ) , diabetes (เบาหวาน) , influenza (ไข้หวัดใหญ่) , cancer (มะเร็ง) เช่น
He had an itch in the middle of his back .เขามีอาการคันที่กลางหลัง
He had a pain in the neck. เขามีอาการปวดคอ
She is suffering from rheumatism. เธอกำลังทุกข์ทรมานด้วยโรคปวดข้อ

Articles - the
The เป็น article ที่เมื่อใช้นำหน้านามทั้งนับได้ นับไม่ได้ เอกพจน์ หรือพหูพจน์แล้ว จะทำให้นามนั้นมีความหมายชี้เฉพาะเจาะจงทันที มีหลักสำคัญดังนี้
ใช้ The นำหน้านามเอกพจน์และพหูพจน์ที่ชี้เฉพาะเจาะจง เนื่องจากมีข้อความประกอบอยู่ ข้อความที่ประกอบอาจนำหน้าด้วย in, at, on หรือ preposition ,วลี (phrase) , หรืออนุประโยค (clause) อื่น ๆ เช่น
Tom sat down on a chair. ทอมนั่งลงบนเก้าอี้ (ซึ่งอาจจะมีหลายตัวในห้องนั้น)
Tom sat down on the chair nearest the door. ทอมนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ประตูที่สุด (เฉพาะเจาะจง)
Ann is looking for a job. แอนกำลังหางานทำ (เป็นการพูดไม่เฉพาะเจาะจง)
Did Ann get the job she applied for? แอนได้งานที่เธอไปสมัครไว้หรือไม่ (เฉพาะเจาะจง)
The man who wrote this book is famous. ผู้ชายที่เขียนเรื่องนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียง (เฉพาะเจาะจง)
ใช้ The หน้านามซึ่งชี้เฉพาะโดยปริยายเนื่องจากผู้พูดและผู้ฟังรู้ว่าหมายถึงสิ่งไหน หรือพูดถึงบุคคลใด เช่น
Have you got a car ? คุณมีรถหรือไม่ (ใช้ a เพราะไม่ระบุเฉพาะเจาะจง)
I cleaned the car yesterday. ฉันล้างรถเมื่อวานนี้ . (ใช้ the ในกรณีผู้พูดและผู้ฟังรู้ว่าหมายถึงรถของผู้พูด)
The house needs to be painted. บ้านนี้ควรจะทาสีใหม่ได้แล้ว (ใช้ the house ในกรณีที่ผู้พูดและผู้ฟังเข้าใจตรงกันว่าเป็นบ้านหลังไหนถึงแม้จะเป็นการพูดถึงครั้งแรก อาจจะกำลังพูดในบ้านหลังนั้นก็ได้ )
I would like a glass of water, please. John said. จอห์นพูดว่าขอน้ำผมสักแก้วได้ไหม
I put the glass of water on the counter already. Jane said. เจนตอบว่า ฉันเอาแก้วน้ำวางให้บนเคาน์เตอร์เรียบร้อยแล้ว